Page 18 - Miccell Book
P. 18
มิคเซลเป็นฉนวนเซลล์ปิด 100%
ภาพขยายเซลล์ของฉนวนเพื่อทำาให้มองเห็นลักษณะที่เกิดขึ้นจริงพบว่า ฉนวนโฟมโพลีสไตรีน
โพลียูริเทนเป็นเซลล์ปิด ฉนวนยางดำาเป็นแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด และฉนวนใยแก้วเป็นแบบเซลล์เปิด แบ่ง
แยกโดยอาศัยการเชื่อมต่อกันของช่องอากาศที่ทะลุถึงกันได้ ด้วยเหตุนี้เองทำาให้ฉนวนประเภทเซลล์
กึ่งเปิดกึ่งปิด หรือเซลล์เปิดเป็นฉนวนที่หมดสภาพความเป็นฉนนวนก่อนเวลาเนื่องจากอากาศและไอ
น้ำาสามารถส่งผ่านและสะสมในเนื้อฉนวน ได้เกิดการกลั่นตัวของไอน้ำาในอากาศ (Condensation) ซึ่ง
ตามหลักการแล้วเนื้อฉนวนต้องการช่องว่างของอากาศในการหน่วงความร้อน แต่เมื่อช่องว่างเหล่านี้
ถูกแทนที่ด้วยอากาศร้อน ไอน้ำา หรือสิ่งอื่นจะทำาให้ฉนวนนั้นหมดสภาพความเป็นฉนวนก่อนเวลาอัน
ควร ซึ่งการใช้งานจำาเป็นต้องมีการป้องกันไอน้ำาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่สามารถป้องกันได้
100% เพียงแต่ชะลอให้ช้าลงเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเฝ้าระวังและดูแลรักษาอย่างเข้มงวดอีกด้วย ทางออก
ที่ดีที่สุดสำาหรับเรื่องนี้ก็คือการเลือกใช้ฉนวนที่เป็นเซลล์ปิด 100% มีฟองอากาศเล็กเกาะเกี่ยวกันอย่าง
สมบูรณ์ นอกจากป้องกันไม่ให้ไอน้ำาหรือสิ่งแปลกปลอมผ่านหรือเข้ามาสะสมแล้ว ยังยืดอายุการใช้งาน
ให้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังลดค่าซ่อมบำารุงรักษาอีกด้วย
ประสิทธิภาพการเป็นฉนวน
ด้วยค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อนต่ำาเพียง 0.024 วัตต์ / เมตรองศาเซียลเซียส ทำาให้
MICCELL มีประสิทธิภาพสูงกว่ากลุ่มเส้นใย ที่มีค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อนสูงกว่า 0.038 วัตต์
/ เมตรองศาเซียลเซียส ถึง 58 เปอร์เซ็นต์
การเลือกใช้ฉนวนไม่ว่าจะประเภท หลักในการเลือกฉนวนคือต้องเลือกฉนวนที่มีค่าสัมประสิทธิ์
การนำาความร้อนให้ต่ำาที่สุด เพราะยิ่งมีการนำาความร้อนได้ต่ำาหรือน้อยนั้น เท่ากับว่าฉนวนนั้นชะลอ
หน่วง หรือกักกั้นไม่ให้ความร้อนผ่านเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว เป็นตัวบอกประสิทธิภาพของฉนวนได้เป็น
อย่างดี
ตัวอย่างสัมประสิทธิ์การนำาความร้อน(k)
วัสดุ สัมประสิทธิ์การนำาความร้อน
(k)(W/mk) (k)(W/mk)
อากาศ 0.026
อะลูมิเนียม 237
ใยแก้ว 0.038
มิคเซล 0.024
ยางดำา 0.025
โพลีสไตรีน 0.03
โพลียูรีเทน 0.021
7